GUNKUL สุดฮอตข่าวดีไม่มีหมด บริษัทลูกเปิดโรงไฟฟ้าขายให้ กฟภ. 3 โครงการ
วันที่ 1, 2 และ 5 มีนาคมนี้ "จี-พาวเวอร์ซอร์ส" บริษัทย่อย บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า 19.50 เมกะวัตต์ จ่ายไฟเข้าระบบ กฟภ.เรียบร้อยแล้ว"โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ "เผยจะรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ ส่วนที่เหลืออีก 6.5 เมกะวัตต์ คาดเริ่มผลิตและจ่ายไฟฟ้าได้ปลายปีนี้ ระบุ โครงการดังกล่าวช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้กลุ่มบริษัทมากยิ่งขึ้น
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัท จี-พาวเวอร์ซอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL สามารถดำเนินการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า 3 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตขนาด 19.50 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ ตำบลตาขีด ตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ และที่ตำบลดงคอน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้แล้วตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป และจะทยอยรับรู้รายได้ทันทีภายในปี 2555 นี้
ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัท จี-พาวเวอร์ซอร์ส จำกัด มีทั้งหมด 4 โครงการและกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมที่ได้รับการอนุมัติคือ 26 เมกกะวัตต์ โดยโครงการที่ 1-3 มีกำลังการผลิตขนาดรวม 19.50 เมกะวัตต์ได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งในส่วนของกำลังการผลิตที่เหลืออีก 6.5 เมกะวัตต์ ตามแผนงานที่วางไว้คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบให้กับ กฟภ.ได้ช่วงไตรมาส 4/2555 โดยคาดว่าทั้ง 4 โครงการจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 40-50% ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนและบริษัทมองว่าน่าจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป
"โครงการนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มฐานรายได้ให้กับกลุ่มบริษัท GUNKUL เนื่องจากไฟฟ้าที่ผลิตได้สามารถขายให้กับ กฟภ.ได้ทั้งจำนวน อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้าร่วมทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการดังกล่าวโดยบริษัทจะยังคงถือสัดส่วนไม่น้อยกว่า 40% ซึ่งขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยคาดว่าน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2555" ทั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นทันทีจากการขายโรงไฟฟ้า
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทยังคงมีแผนในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าจากพลังงานลม ซึ่งบริษัทได้เซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงพลังงาน ประเทศสหภาพพม่า 1,000 เมกกะวัตต์ เมื่อปลายปี 2554 และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการติดตั้งเสาลม ซึ่งจากการที่มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องและเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงบริษัทมีนโยบายที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน อย่างครบวงจร จึงทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของปี 2555 จะเดินหน้าเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต และเป็นการตอกย้ำศักยภาพของบริษัท ที่จะดำเนินการขยายธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร